มองกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อทั่วไปปี 66 ที่ 1-3% เหมาะสม-ยืดหยุ่น
มองกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อทั่วไปปี 66 ที่ 1-3% เหมาะสม-ยืดหยุ่น
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติเป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี 2566 ซึ่งเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และ รมว.คลัง โดยกำหนดให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วง 1-3% เป็นเป้าหมายของนโยบายการเงินด้านเสถียรภาพราคาสำหรับระยะปานกลาง และเป็นเป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับปี 2566
นอกจากนี้ รมว.คลัง และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ในฐานะประธาน กนง. ได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันในการกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี 2566 โดยข้อตกลงดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้ ปัจจัยที่ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมา และแนวโน้มในระยะข้างหน้าในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จะคลี่คลายลง แต่เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ได้รับผลกระทบอย่างมากจากการลดลงของอุปทานพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงการหยุดชะงักของห่วงโซ่การผลิตโลก (Global Supply Chains) ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อไทยในช่วงที่ผ่านมา ปรับสูงขึ้นจากแรงกดดันด้านอุปทาน (Cost-Push Shocks) เป็นสำคัญ
โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อไทย ได้แก่ (1) ราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ในประเทศที่ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาตลาดโลก และ (2) การส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้นของผู้ประกอบการไปยังราคาสินค้าและบริการ อย่างไรก็ดี แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อในระยะข้างหน้าจะปรับลดลงและกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายได้ในปี 2566 เมื่อแรงกดดันด้านอุปทานดังกล่าวทยอยคลี่คลายลง แต่อัตราเงินเฟ้อไทยในระยะปานกลาง ยังคงมีความไม่แน่นอนสูงจากการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะภูมิทัศน์ด้านพลังงานและภูมิรัฐศาสตร์ การทวนกระแสโลกาภิวัตน์ (Deglobalization) และการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจสีเขียวที่อาจเกิดเร็วขึ้น
แนะนำข่าวเศรษฐกิจเพิ่มเติม : ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 12/9/65 เปิดที่ระดับ 36.42 บาทต่อดอลลาร์ พลิกอ่อนค่า จับตาตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ